การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่หลายๆ ประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ อนุญาตให้ประชาชนทยอยออกมาใช้ชีวิตประจำวันได้เกือบเป็นปกติ แต่ในลักษณะที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “New Normal” ซึ่งต้องปรับจูนพฤติกรรมกันใหม่ โดยเฉพาะเรื่องของการรักษาความสะอาดทั้งตัวเองและสิ่งรอบข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองติดเชื้อ หรือป้องกันไม่ให้ตัวเราแพร่เชื้อ
แต่ผลกระทบที่เชื่อว่าอาจกินระยะเวลาไปอีกนานถึงสิ้นปี อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่โดนหนัก แม้จะมีมาตรการเว้นระยะห่างทางกายภาพ การสวมชุดอุปกรณ์ป้องกันของพนักงานสายการบิน ความไว้วางใจในเรื่องของความสะอาดก็ยังตงิดๆอยู่ในความคิดของทุกคน เที่ยวต่างประเทศที่เคยไปไหนสะดวกสบาย อาจต้องกลับมาทบทวนกันใหม่
ถึงอย่างไรก็ต้องมีความมั่นใจส่วนหนึ่งว่า การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อความอยู่รอดมีอยู่ในทุกผู้ทุกท่านอยู่แล้ว ขณะที่ญี่ปุ่นดินแดนที่คนไทยไปเยือนบ่อยที่สุดอีกประเทศหนึ่ง เพราะวัฒนธรรม สถานที่ เทศกาล อาหาร อากาศและผู้คนที่เป็นสัญลักษณ์ ก็เตรียมผายมือต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง
“จากญี่ปุ่น” วารสารจากสถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย เลยให้ความรู้เพิ่มเกี่ยวกับ “อาหารพื้นบ้านของกรุงโตเกียว” ที่คนไทยอาจไปเยือนหลายครั้ง หลายรอบ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์กับอาหารหน้าตาแปลกนี้ เพราะในแต่ละท้องถิ่นของญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการบริโภคที่หลากหลาย ด้วยวัตถุดิบที่ไม่เหมือนกัน ทำให้มีอาหารพื้นเมืองมากมาย ไม่ใช่มีแต่เพียงปลาดิบ ซูชิ ข้าวหน้าปลาไหล ชาบูชาบู ข้าวราดแกงกะหรี่ หรือเบนโตะทั่วไป

“ฟุกะงะวะเมชิ” เป็นอาหารประเภทข้าวที่ราดหรืออบกับหอยชนิดต่างๆ ด้วยในอดีตพื้นที่ทะเลบริเวณฟุกะงะวะ ปัจจุบันคือเขตการปกครองพิเศษโคโต ในกรุงโตเกียว สามารถจับหอยลายได้เป็นจำนวนมาก จึงนำมาปรุงอาหาร เช่น ต้มในซุปมิโซะ ต้มเคี่ยวกับโชยุและน้ำตาล (ทซึคุตะนิ) แต่เมนูที่ชาวประมงนิยมสุดคือ “ฟุกะงะวะเมชิ” ข้าวหน้าหอยลายแกะเปลือกที่นำมาต้มกับเครื่อง ปรุงรสต่างๆ ต้นกำเนิดมาจากการทำขึ้นง่ายๆ เพื่อประทังชีวิตบนเรือ มีทั้งแบบราดบนข้าว หรืออบไปพร้อมกับข้าว

“มงจะยะกิ” คนไทยรู้จัก “โคะโคะโนะมิยะกิ” อาหารพื้นบ้านของ จ.โอซากา กรุงโตเกียว ก็มีอาหารจำพวกแป้ง ที่มีแป้งสาลีเป็นวัตถุดิบหลักผสมกับน้ำ จากนั้นเพิ่มเติมส่วนผสมตามชอบ เช่น เนื้อหมู หรือกะหล่ำปลี วางบนกระทะจนสุก ใครไปก็อย่าลืมแวะได้ที่ย่าน “ทซึคิชิมะ” ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “ถนนแห่งเมนูอาหารมงจะยะกิ” มีร้านขายเฉพาะมากถึง 60 ร้าน

“จังโกะนะเบะ” อาหารประเภทหม้อไฟที่นักกีฬาซูโม่รับประทานทุกวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย ปกติแล้วมีวัตถุดิบหลักเป็นเนื้อไก่หรือเต้าหู้และผักต่างๆ ไปกรุงโตเกียวก็ต้องอย่าลืมพลาดแวะชิมหม้อไฟรสชาติต้นตำรับล่ะ

“ทซึคุดะนิ” คือการแปรรูปอาหารที่ใช้วัตถุดิบหลักจากท้องทะเล ต้มเคี่ยวกับน้ำซอสรสเค็มหวานที่ปรุงด้วย น้ำตาล โชยุ น้ำเชื่อม มิริน จนเข้าเนื้อ ที่เป็นการถนอมอาหารมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยทั่วไปทานร่วมกับข้าวปั้น หรือโอชาสึเกะ (ข้าวต้มน้ำชา) ชื่อเรียกนี้มาจากชื่อ “ทซึคุดะจิมะ” ย่านศูนย์กลางการประมงของเอโดะ ปัจจุบันเป็นเขตปกครองพิเศษชูโอ ต้นตำรับการทำทซึคุดะนิ

“นิงเงียวยะกิ” ขนมอบในแม่พิมพ์ ส่วน ประกอบมีแป้งสาลี ไข่และน้ำตาล มีทั้งแบบใส่ไส้ที่ทำจากถั่วแดงกวน และแบบไม่มีไส้ แม่พิมพ์ที่ใช้ในการอบเป็นรูปทรงตัวละครในวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น ตัวละครในหุ่นกระบอกบุนระคุ หรือเทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้งเจ็ด แล้วยังนำตัวการ์ตูนจากแอนิเมชันที่ได้รับความนิยม ชื่อขนมมาจากเมือง “นิงเงียว” เขตปกครองพิเศษชูโอ ซึ่งเป็นต้นตำรับของขนมนี้

“คะมินะริโอะโคะชิ” ขนมยอดนิยมที่ให้รสสัมผัสแบบกรุบกรอบ ทำจากข้าวพอง น้ำเชื่อม น้ำตาล ถั่วผสม-ผสานนวดจนแข็งเป็นก้อน ว่ากันว่า ร้านค้าแผงลอยใกล้ๆประตูคะมินะริของวัดอะซะคุซะ เริ่มนำมาขายในช่วงกลางสมัยเอโดะ ชื่อขนมก็มาจากประตู “คะมินะริ” รวมถึงความหมายมงคลแฝงแปลว่า “สร้างบ้าน สร้างชื่อเสียง”
แล้วอย่าลืมทุกครั้งก่อนรับประทานตามวัฒนธรรมญี่ปุ่นมีอยู่ 2 คำ คือ “อิตะดะคิมะสุ” ซึ่งเป็นคำที่คนโบราณของญี่ปุ่นพูดก่อนรับประทานของเซ่นไหว้ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและขอบคุณต่อเทพเจ้า ซึ่งยังสะท้อนถึงการขอบคุณต่อผู้ที่สรรหาอาหารมาให้ และต่อชีวิตที่สูญเสียไปเพื่อมาเป็นอาหารให้เราได้รับประทาน ส่วนคำว่า “โกะจิโซซะมะ” ใช้พูดหลังอาหาร มาจากคำว่า “จิโซ” หมายถึง การวิ่งวุ่น ด้วยสมัยก่อนการจัดหาวัตถุดิบอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องขี่ม้าออกไปไกลให้แขกหรือลูกค้า จึงใช้คำเพื่อเป็นการขอบคุณต่อผู้ที่ต้องเหนื่อยยากในการเดินทางหาของมาทำเป็นอาหาร...
@เจ๊หม่า
June 28, 2020 at 05:10AM
https://ift.tt/3g4fJtd
อาหารฉบับพื้นบ้าน ที่ไม่บ้านๆ ณ โตเกียว - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2XXdRfO
Bagikan Berita Ini
0 Response to "อาหารฉบับพื้นบ้าน ที่ไม่บ้านๆ ณ โตเกียว - ไทยรัฐ"
Post a Comment